Google

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ต้องการทำงานที่บ้าน

*****แนะนำอาชีพเกี่ยวการทำงานที่บ้านแบบมีรายได้
ที่แน่นอน แต่คงต้องมีการลงทุนนิดหน่อยนะครับที่จริง
การทำงานที่บ้านมีหลายอย่างแบบอย่างของผมนี่ก็เป็น
งานอดิเรกครับ
*****งานที่จะทำที่บ้านก็ไม่ต้องไปรับมาแต่จะมีลูกค้า
นำงานมาให้ทำที่บ้านเลยครับเพียงคุณมีอุปกรณ์ดัง
ต่อไปนี้ก็สามารถทำงานที่บ้านได้แล้วล่ะครับ
..........อุปกรณ์การทำงาน
**1. เครื่อง computer ไม่จำเป็นต้องมีราคามากหรอก
ครับเอาแบบพอทำงานได้แบบสบาย ๆ อย่างที่ผมใช้
ก็อยู่แค่ 15,000 บาทเป็นแบบ pc
**2. เครื่อง print อยากให้ใช้แบบถ่ายเอกสารได้ด้วย
ราคาที่ผมใช้ก็ประมาณ 2,500 บาทนำไปแปลงนิดหน่อย
ครับ
**3. กระดาษ a4 ขนาด 80 แกรม
**4. กระดาษ พิมพ์ภาพถ่าย มีราคาตั้งแต่ราคา 80-320
ไว้สำหรับงานพิมพ์รูปภาพครับรายได้ดีครับ
**5. อยากให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทได้ด้วยนะครับเพราะ
บางอย่างต้องหาภาพจากทางเน็ทครับ
**6. เครื่องเคลือบบัตรผมใช้แบบสบายครับราคา
ประมาณ 2,800 บาทครับ
**7. พลาสติกเคลือบบัตร แบบเคลือบบัตรพนักงาน
ราคาประมาณ 70 บาท ใหญ่นิดก็ 80 บาท ขนาด
เคลือบกระดาษ a4 ก็ประมาณ 525 บาท ตัวเคลือบ
บัตรนี่ทำเงินให้ดีมาก ๆ เลยครับ
**8. ตัว ปั้มบัตร ก็คือตาไก่ครับจะมีชนิด รูกลม
และแบบ รูยาว ส่วนมาจะใช้ชนิดตาไก่รูยาวเพราะ
เป็นแบบที่ใช้กับบัตรพนักงานครับ
**9. ตัวตัดกระดาษ สำหรับงานภาพถ่าย กับตัดแต่ง
บัตรเมื่อเคลือบเสร็จ
*****เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำงานที่บ้านได้แล้ว
ครับ ฟื้นทุนเร็วกว่าที่คิดด้วย
***คุณสามารถรับงานพิมพ์เอกสารทั่วไปได้ ดังนี้
1. พิมพ์งาน
-- แผ่นละ 6 บาท ขาวดำ
-- สีแผ่นละ 8
2. หาจากเน็ท แผ่นละ 5 บาท รวมค่าเน็ทอีกชั่วโมง
ละ 20 บาท
3. ถ้ามีงานมาแล้วสั่งพิมพ์อย่างเดียว
-- ขาวดำแผ่นละ 4 บาท
-- สี แผ่น 7 บาท
4. รูปถ่าย คำนวณตามราคากระดาษครับ
-- 3x5 นิ้ว ราคาตั้งแต่ 4-8 บาทแล้วแต่ชนิดของ
กระดาษที่ใช้
-- 4x6 ราคา 5-7 บาทต่อใบ
5. เคลือบบัตร
-- บัตรพนักงานขนาดธรรมดาราคา 10 บาท
-- บัตร 8x12 ราคา 15 บาท
-- ถ้าเป็นขนาดเกินกว่านี้ ถึง ขนาดกระดาษ a4
ก็ราคา 20 บาท
6. ถ่ายเอกสาร
-- สีแผ่นละ 5 บาท
-- ขาวดำแผ่นละ 1 บาท
*****งานเคลือบบัตรจะได้เงินเร็วและง่ายมาก
ดังนั้นถ้าเลือกเครื่องเคลือบบัตรก็เอาอย่างดีไปเลย
จะได้ใช้ได้นานและคุ้มกับเงินที่เสียไป
***อย่ารีรอที่ทำอะไรสักอย่างที่สามารถเพิ่มเงินให้
กับครอบครัวอีกทางหนึ่งเป็นงานที่ถึงแม้ว่าต้องใช้
เงินลงทุนที่ค่อนข้างมากแต่ก็คุ้มครับเพราะผมทำเป็น
งานยามว่างจากงานประจำตอนนี้ก็ได้กำไรมาแล้ว
เรื่องค่าไฟผมไม่ต้องเสียเลยและยังนำไปใช้จ่าย
อย่างอื่นได้อีก
*****ขอให้โชคดีนะครับและอย่าลืมว่างานไม่มา
หาเรา เราก็ต้องเดินไปหางานครับ
----- สวัสดีครับ-----

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

อาชีพทำเหล็กดัด การทำเหล็กดัด

*****ตอนนี้น้ำมันแพงมากจึงอยากจะแนะนำอาชีพ
ที่เหมาะกับยุคที่น้ำมันแพงนะครับ เป็นอาชีพที่เคย
ทำเป็นงานอดิเรกของผมมาก่อนนะครับแต่ตอนนี้ไม่
ได้ทำแล้ว “ทำเหล็กดัด” เป็นงานที่ต้องอาศัยฝีมือ
ครับ

*****อย่าเพิ่งคิดว่ายาก เพียงแต่ให้มีพื้นที่ในการทำ
สำหรับใช้วางเครื่องมือและงานที่ทำเสร็จก็พอครับ
ถ้ามีฝีมือการเชื่อมประสานด้วยก็ยิ่งสบายเลยครับ
แต่ถ้ายังไม่เป็นก็ฝึกได้ไม่ยากเพราะการทำ “เหล็กดัด”
จะใช้วิธีแต้มงานเป็นจุดเท่านั้น

*****การทำ “เหล็กดัด” ถ้าคนที่ไม่เคยทำต้องบอกว่า
ยุ่งยากแน่แต่จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรที่ยุ่งยากเลย และเครื่อง
มือในการทำงานก็มีไม่กี่ชิ้น ถ้าต้องการให้การทำงาน
“เหล็กดัด”เร็วและสวย ก็ควรใช้เวลาในการไปเรียน
สารพัดช่างก่อนก็ได้คือทำไปเรียนไป



..........คราวนี้จะบอกว่าทำไมการทำ “เหล็กดัด” จึง
ไม่ยากและสามารถทำได้โดยอาศัยพื้นที่การทำ
สักประมาณ 5 ตารางวา ก็ยังเหลือเลยครับ

..........ถ้าจะทำ”เหล็กดัด” ก็ต้องมีเครื่องมือดังนี้
++1. เครื่องเชื่อมงานโลหะ ไม่ต้องใช้เครื่องใหญ่
เป็นแบบเครื่องที่ใช้ไฟที่ 220 ก็พอราคาเครื่องก็
ประมาณ 3,000 โดยประมาณ ลวดเชื่อม พร้อม
หน้ากากเชื่อมงานโลหะ

++2. เครื่องตัดไฟเบอร์ หรือไฟเบอร์ตัดเหล็ก ชนิด
ใบ 14” ตัวละประมาณ 2,800

++3. หินเจียรเล็ก เลื่อยเหล็ก ค้อน สกัด คีม

++4. เหล็กเส้นแบน มีขนาดสำหรับงาน”เหล็กดัด”
หน้าต่าง ประตูบ้าน ประตูรั้ว รั้ว และอื่น ๆ
คีมล็อก

*****ที่บอกว่างาน “เหล็กดัด” ทำไม่ยากเพราะ
คุณสามารถเลือกซื้อลวดลายต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้อง
มานั่งดัดเองให้เมื่อยและยังประหยัดเวลาในการทำ
ได้มากเรียกว่าคุ้มกว่าทำเองด้วยราคาที่เราได้คืน
จากเวลาในการที่น้อยลง

..........ชิ้นงานที่คุณสามารซื้อมาประกอบเป็นงาน
“เหล็กดัด” ได้ทุกประเภท ตั้งแต่งาน “เหล็กดัด”
ที่เป็นงานที่ใช้กับ หน้าต่าง ประตูบ้าน ประตูรั้ว
รั้ว และอื่น ๆ ก็มีเช่น

**1. เหล็กดัดโค้งทั่งไป ราคาก็อยู่ที่ชิ้นงานว่า
ยากง่ายแค่ไหน แต่อันนี้แนะนำให้ดัดโค้งเองดีกว่า
เพราะง่ายและจะถูกว่าซื้อ

**2. ลายใบไม้ ลายผีเสื้อ ลายดอกไม้ รูปของสัตว์
ชนิดต่าง ๆ ใช้มาก จะมีหลายแบบครับต้อง
เลือกดูเองให้เหมาะกับงาน

**3. ประเภทที่เป็นพรรณไม้เลื้อย ก็มีให้เลือกเยอะ
อย่างเช่น เถ้าองุ่น เป็นต้น

**4. ประเภทของการใช้ลายเส้น โดยสามารถซื้อมา
ประกอบเอง หรือ จะซื้อแบบสำเร็จรูปมาเลยก็ได้
มีหลายแบบทั้งแบบกลม แบบเหลี่ยม

**5. ประเภทลอยตัว เช่น ตะกร้อ เกลียว หัวศร
ถ้าจะให้ดีควรไปสืบราคาดูที่ร้านแต่รับรองว่า
ราคาไม่แพงและอยู่ได้ในระดับที่ไม่เดือดร้อน



*****การประกอบก็ไม่ยุ่งยาก ถ้าไม่ใช้จิตนา
การ ก็ไปดูหนังสือมาเป็นตัวอย่างได้ ให้ทำใช้
เองก่อน หรือถ้ามีแล้วก็ศึกษาตัวอย่างที่มีอยู่
แล้วก็ได้

*****ในการทำ “เหล็กดัด” สิ่งที่ต้องเตรียม
และที่สำคัญก็คือ ต้องปรับพื้นที่ที่เราจะใช้
ประกอบ “เหล็กดัด” โดยการปรับให้เรียบ
ถ้ามีพื้นปูนอยู่แล้วก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเป็นพื้นดิน
ควรหาเหล็กแผ่นมาปูไว้เพื่องานที่ออกมาจะ
ได้มีความสวยงามและสะดวกในการวางชิ้นงาน
ที่จะประกอบ”เหล็กดัด”

*****ข้อดีของการทำเหล็กดัดเป็นอาชีพ ก็เพราะว่า
ที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะอย่างไรการ
ซ่อมแซมยังมีอยู่ตลอดรวมถึงการป้องกันพวก
มิจฉาชีพ ดังนั้นการติดตั้งเหล็กดัดจึงมีความจำเป็น
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเราออกแบบสวยและ
แข็งแรงพร้อมกับสามารถเปิดออกได้ง่าย
ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น รับรองเป็นอาชีพ
ที่สามารถทำให้คุณได้จับเงินล้านแน่ ๆ ครับ

*****ได้ผลอย่างไรก็บอกกันบ้างนะครับ จะได้
แนะนำผู้ที่ต้องการทำให้ได้มีกำลังใจในการประ
กอบอาชีพเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

.........สวัสดีครับ..........

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ธุรกิจขายตรง การขายตรง

*****แนะนำอาชีพมาอีกพบกันตามคำสัญญาครับวันนี้
จะแนะนำอาชีพ “การทำธุรกิจขายตรง” ครับ ธุรกิจขายตรง
ก็คือการขายสินค้าหรือการบริการต่าง ๆ เช่น การขาย
บัตรเครดิต การขายประกัน การนำเสนอขายสินค้า การ
แนะนำสินค้า และการขายอื่น ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับ
ลูกค้านั่นแหละครับ

*****แต่ที่ผมจะนำมาพูดคุยก็คือการขายสินค้าอุปโภค
และสินค้าบริโภค เพราะเคยขายมาก่อนจึงพอจะแนะนำ
สิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังมองหาอาชีพอยู่ก็ได้
*****การทำธุรกิจขายตรงถ้าถามว่าเหนื่อยไหม บอกได้เลย
ว่าเหนื่อย เพราะนอกจากต้องคอยเก็บฐานลูกค้าเก่าไว้
ให้ได้ก็ต้องหาทางเพิ่มลูกค้าใหม่ให้ได้มากที่สุด การขาย
ตรงหรือการทำธุรกิจขายตรงถ้าผู้ที่ต้องการประสบผลสำเร็จ
บอกได้เลยว่า ต้องเป็นคนที่ใจเย็น เอาใจคนเป็นและ
ต้องรู้อารมณ์ของลูกค้าด้วย

*****ผมเคยทำธุรกิจขายตรงบอกได้เลยว่าปัญหาที่
คนทำธุรกิจขายตรงต้องเจอคือ อารมณ์ของลูกค้า
ความต้องการของลูกค้า และราคาที่ลูกค้าบอกว่าแพง
เกินไปและอื่นอีกเยอะที่ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจขายตรง
ต้องเตรียมทำใจไว้แต่เนิน ๆ

*****เคล็ดลับการทำธุรกิจขายตรงให้ประสบผลสำเร็จ
ที่ผมใช้ก็คือ

.....ต้องทดลองสินค้าด้วยตัวเองก่อน เพราะการทำธุรกิจ
ขายตรงเราต้องรู้ว่าสินค้าตัวนี้ใช้แล้วเป็นอย่างไร ปริมาณ
การใช้คุ้มหรือเปล่ากับเงินของลูกค้าที่จะยอมจ่าย และที่
สำคัญคุณภาพของสินค้าที่โฆษณาไว้ในแผนของบริษัทที่
เราเป็นสมาชิกเป็นจริงหรือเปล่า ยิ่งเรารู้คุณสมบัติของสินค้า
ที่เราจะนำเสนอให้ลูกค้ามากเท่าไหร่โอกาสก็จะประสบผล
สำเร็จก็มีมากขึ้น

.....การเตรียมสินค้าทดลองครับ จะทำธุรกิจขายตรงให้สำเร็จ
ก็ต้องลงทุนด้วยการเตรียมสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้
ก่อนพร้อมกับบอกคุณภาพของสินค้าไว้แล้วค่อยกลับมา
อีกครั้งเมื่อคิดว่าลูกค้าน่าจะได้ใช้สินค้าไปได้สักพัก วิธีนี้
ได้ผลมากครับเสียเวลาหน่อยแต่เราจะได้ลูกค้าที่จะใช้
บริการของเราเป็นประจำ

.....คุณภาพของสินค้าสำคัญมาก จะทำธุรกิจขายตรงลอด
หรือไม่ก็อยู่ที่คุณภาพของสินค้านี่แหละ เพราะฉะนั้นสินค้าที่
เรานำมาเสนอให้ลูกค้าต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพจริง
โดยมากจะเป็นบริษัทที่อยู่กับธุรกิจนี้มานานครับ

.....ความตั้งใจของเราเอง สำคัญนะครับเพราะลูกค้าจะดูว่า
เราตั้งใจที่จะขายหรือตั้งใจที่จะให้สินค้าออกอย่างเดียว
แปลว่าเราต้องเอาคุณภาพของสินค้ามามอบให้ลูกค้า
อย่าเอาแต่ “ได้ครับ” “ ใช้ได้ครับ” “ เหมาะกับพี่มากครับ” หรือ
“ของไม่แพงหรอกครับ” เพราะเป็นคำพูดที่จะทำให้เรา
เสียลูกค้าไปในทันที

.....การแต่งตัว ต้องให้ความสำคัญเพราะ”ไก่งามเพราะขน
จะขายของได้ร่างกายก็เป็นส่วนประกอบที่ไม่แพ้กัน”แต่งกาย
ให้เรียบร้อย ยิ้มตลอด มองสบตาลูกค้าไว้เพื่อแสดงออกถึง
ความจริงใจของเรา
.....สุดท้ายต้องเตรียมสินค้าไปให้พร้อมยิ่งมากยิ่งดี ไม่ว่า
ลูกค้าอยากดูอะไรต้องมีให้ดู ลูกค้าอยากรู้อะไรต้องให้คำตอบ
กับลูกค้าได้ ลูกค้าอยากลองอะไรก็ต้องมีให้ลองทันที รับรอง
ได้แฟนคลับที่จะสั่งของกับเราคนเดียวเท่านั้น
.....สิ่งที่ต้องท่องนำไว้ตลอดเวลาคือ อดทน ขยัน และที่สำคัญ
จำไว้ลูกค้าเทวดาอย่าขัดใจหรือแสดงความไม่พอใจออกมา
ให้เห็นเป็นอันขาด

*****ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้างนะครับ ส่วนเทคนิดการขาย
อื่นๆ ต้องไปหาประสบการณ์เอาเองครับ แสดงความคิดเห็นมา
ได้นะครับถือว่าเป็นการมาคุยกันก็ได้
..........สวัสดีครับ..........

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แนะนำอาชีพการทำ”นาฬิกา”

*****วันนี้จะ แนะนำอาชีพ เกี่ยวกับการทำนาฬิกาแบบแขวน
และแบบตั้งโต๊ะที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน เพื่อนำ
ไปขายตามตลาดนัดหรือจะไปติดต่อเพื่อวางขายที่ไหนก็ได้
การทำ นาฬิกา เป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือบ้างเพราะเป็นงาน
ที่เน้นการทำมือครับ

*****การทำ นาฬิกา เป็นงานที่ออกไปทางการใช้ศิลปะประดิษฐ์
แต่รับรองว่าไม่ยาก การทำ นาฬิกา จะมีทั้งแบบแขวนและ
แบบตั้งโต๊ะ มาเตรียมอุปกรณ์กันก่อนครับ
..........1. ไม้แผ่นชนิดบางประมาณ 3 มม. ขนาด ฟุตxฟุต หรือแล้ว
แต่ขนาดของชิ้นงานที่คุณต้องการทำ
..........2. โครงเลื่อยฉลุ และใบเลื่อยฉลุ สำหรับไม้นะครับ
..........3. จิ๊กซอว์ หรือตัวต่อภาพ จิ๊กซอว์
..........4. ตัวเครื่องนาฬิกาเปลือย ราคาอยู่ที่ประมาณ 35-150 แล้ว
แต่ลูกเล่นครับ
..........5. สว่านมือหรือจะลงทุนซื้อสว่านไฟฟ้าก็ได้ครับ
..........6. ดอกสว่าน 5/16 “(2 หุนครึ่ง) หรือ 1/16”(ครึ่งหุน) และกระดาษทราย
..........7. บุ้ง หรือตะไบแต่งขอบ ดินสอ หรือปากกา
..........8. ยางเข้าขอบ หรือ ยางแต่งขอบ
..........9. กาวสำหรับภาพจิ๊กซอว์ กาวลาเท็กซ์ และแผ่นพลาสติกใสอย่างบาง 1 มม.
..........10. ที่แขวนผนัง มีแบบพลาสติกและโลหะ

*****แต่ถ้าคุณต้องการเขียนลายเองก็ต้องเพิ่มอุปกรณ์ลงไปอีก
แต่คราวนี้ผมจะแนะนำการทำนาฬิกาแบบง่ายและดูมีศิลปะ
ในอีกรูปแบบหนึ่ง ผมเคยทำใช้เองสวยครับ แต่ลืมเอามาด้วยตอน
ที่ย้ายลงต่างจังหวัด มาเริ่มทำกันเลยครับ

*******ขั้นแรก ให้คุณเตรียมแผ่นไม้โดยตัดให้ได้ขนาดตามที่คุณต้องการ
แต่ถ้าจะให้สวยผมของแนะนำว่าไม่ควรเกิน 10x12 นิ้ว เพราะ
จะเป็นขนาดที่ให้ความพอดีกับตัว นาฬิกาเวลาที่เราใช้ประกอบเข้าไป
ใช้กระดาษทราย ลูบให้พอเรียบนะครับ

*******ขั้นที่สอง นำจิ๊กซอว์ ออกมาประกอบไว้แต่ยังไม่ต้องลงในแผ่น ไม้
นะ เมื่อประกอบได้จนเป็นรูปต่อจิ๊กซอว์ที่สมบูรณ์แล้ว ก็ให้ดูว่าเราชอบ
ตรงส่วนไหนของ ภาพที่เราต่อขึ้นก็ให้เน้นเฉพาะตรงส่วนที่เราชอบ
แต่ต้องคำนึงถึงส่วนประกอบอื่นที่อาจต้องเน้นด้วยนะครับ จิ๊กซอว์
หนึ่งภาพ คุณอาจใช้งานได้ถึง 2-3 งานเลยทีเดียว อ้อ แนะนำให้ใช้
จิ๊กซอว์ ขนาดกล่องเล็กราคาประมาณ 39 บาทก็พอครับ หรือแล้วแต่
ผู้ทำก็ได้

*******ขั้นที่สาม ให้นำส่วนที่เราต้องการมาวางเรียงลงบนแผ่นไม้
ต้องเรียงให้แน่นนะครับ เมื่อดูแล้วว่าสวยดีแล้วคราวนี้ก็ให้นำกาว
ลาเท็กซ์ มาทาที่ไม้หรือที่ตัว จิ๊กซอว์ก็ได้ แล้วก็ประกอบลงบนไม้อีกที

*******ขั้นที่สี่ เมื่อเสร็จแล้วให้รอจนกาวแห้งสักพัก เราจะเห็นว่า
ด้านข้างจะเป็นรูปหยักของตัวจิ๊กซอว์ ก็ให้เรา ใช้ดินสอ หรือปากกา
เขียนส่วนโค้ง ส่วนเว้า ให้เป็นรูปแบบงานศิลปะที่เราชอบ หรือถ้าต้อง
รูปแบบสี่เหลี่ยม ก็ให้ตีเส้นตรงเพื่อใช้เป็นเส้นในการฉลุ

*******ขั้นที่ห้า เมื่อฉลุรูปแบบของ นาฬิกา ได้แล้วก็ให้แต่งขอบด้วยกระดาษ
ทราย หรือ มีด คม ๆ เสร็จแล้วก็ให้นำ กาวสำหรับจิ๊กซอว์ ทาลงบนภาพ ที่เรา
ได้ประกอบไว้ให้ทั่ว แล้วนำแผ่นพลาสติกใสสำหรับภาพจิ๊กซอว์ ติดลง
ไปบนภาพ กดให้แน่น แล้วต้องลูบเพื่อไล่อากาศออกให้หมด จะเราไม่เห็น
จุดที่เป็นฝา ขาว ๆ บนภาพ จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้แห้ง

**เมื่อแห้งแล้วเราก็ใช้มีด คัตเตอร์ คม ๆ กรีดตัด พลาสติกใสที่เกินออก

*******ขั้นที่หก การเจาะรูเพื่อใส่ นาฬิกา แนะนำให้ใช้สว่านมือครับ
โดยให้คุณกะขนาดของรูที่ ¼ “ (2 หุน)แล้วใช้ดอกสว่าน 1/16” (ครึ่งหุน)
ค่อย ๆ เจาะลงไปตอนนี้ต้องระวังนะครับใจเย็น ๆ **แต่ก่อนเจาะเพื่อใส่นาฬิกา
ควรเลือกมุมที่ควรไม่บังวิวที่เราต้องการโชว์นะครับ ส่วนจะใส่ นาฬิกา
ตรงมุมไหนก็ได้ ยกเว้นในส่วนที่เราต้องการโซว์ วิว

*******ขั้นที่เจ็ด ประกอบ นาฬิกาลงไป โดยให้ประกอบเข็ม นาฬิกา ลงไปก่อน
แล้วเวลาจะใส่ตัวเลขก็ให้หมุนเข็ม นาฬิกา เพื่อใส่ตัวเลขลงไปทีละตัว
จะได้ตามวงรอบของเข็ม จนครบโดยเริ่มจากเลข 12 แล้วไล่ไปที่
เลข 1

*******ขั้นสุดท้ายก็ใส่ ขอบพลาสติก และติดที่แขวง

..........เสร็จแล้วครับ เห็นไหมครับ ทำ นาฬิกา ไม่ยาก แต่ต้องมีสมาธิ
นะครับ และต้องละเอียดหน่อย การทำอาชีพ ไม่ว่าอะไรต้องใช้ความ
ชำนาญ โดยอาศัยการทำบ่อยๆ ก็จะได้ตามที่เราต้องการครับ
*****แล้วจะแนะนำอาชีพ อื่น ๆ อีกนะครับถ้านึกได้หรือถ้ามีผู้ส่งเรื่องเพื่อ
แนะนำอาชีพ มาให้เพื่อเผยแพร่ก็จะรีบนำมาลงเสนอให้เลยนะครับ

..........สวัสดีครับ..........

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง

อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง,อยากเป็นเจ้าของกิจการ
*****แนะนำอาชีพ อยากรู้ว่าคุณอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง
รึเปล่า วันนี้จะแนะนำอาชีพที่ใช้เงินลงทุนทำกิจการของตัวเอง
แบบน้อยสุด ๆ อยากเป็นเจ้าของกิจการด้วยเงินลงทุนเพียง
3,000 บาท ไม่ใช่เรื่องยากครับ
*****อยากมีกิจการเป็นของตัวเองกับอาชีพที่สามารถทำได้
จากที่บ้าน ผมจะแนะนำอาชีที่ผมเคยทำและได้ผลมาแล้วแต่
ผมต้องย้ายที่ทำงานมาต่างจังหวัดเลยต้องยกเลิกไป
*****อยากมีกิจการเป็นของตัวเองด้วยเงินลงทุนประมาณ
3,000 บาทไม่ใช่เรื่องที่ผมนำมาโกหกนะครับ แต่ผมมีกิจ
การเป็นของตัวเองด้วยเงินเริ่มต้นเพียง เท่านี้จริง ๆ
..........อยากรู้แล้วใช้ไหมครับว่าผมจะแนะนำอาชีพอะไร
ที่จะทำให้คุณมีกิจการเป็นของตัวเอง และนี่ครับอาชีพที่
ผมจะแนะนำ
..........มีกิจการเป็นของตัวเอง ทำได้ที่บ้านเป็นกิจการที่
เราเป็นเจ้าของและสามารถทำให้คุณมีกิจการเป็นของตัว
เองนี่เลยครับ การทำขนมแผงขายส่ง หรือการขายส่งขนม
แผงครับ
*****คุณเคยเห็นไหมครับ ขนมที่นำมาเพ็คใส่ถุงและ
เม็กติดกันบนแผงกระดาษนั่นล่ะครับ ถ้าคุณตั้งใจทำ
รับรองว่าคุณจะมีกิจการที่เป็นของคุณเอง และยังสามารถ
ขยายกิจการได้ต่อไปในอนาคตครับ
*****เพื่อไม่ให้คุณรำคาญผมจะเริ่มการเป็นเจ้าของกิจการ
ของตัวเองแล้วนะครับ
.....ขั้นแรกในการเป็นเจ้าของกิจการคุณต้องเตรียมอุปกรณ์
ดังต่อไปนี้
***1. เครื่องเพ็คถุงครับ หาซื้อได้ที่ เวิ้งนครเกษม ครับ ที่ผม
ใช้อยู่นะใช้เพ็คปากถุงได้ขนาด 3 – 8 นิ้วครับ ราคาก็อยู่ที่
ประมาณ 600-800 บาท ครับ เอาแค่นี้ก่อนครับ เพราะเราใช้
เพ็คของได้แบบสบาย ๆ
***2. เครื่องชั่ง ครับ เอาแบบที่แบ่งเป็นกรัม หรือบอกเค้าว่า
เราต้องการเครื่องชั่งขนมครับ ราคาประมาณ 350-450 บาท
อยากมีกิจการเป็นของตัวเองต้องหาของที่ดีนะครับเพราะเรา
จะได้ไม่ขาดทุนเรื่องน้ำหน้ก
***3. จะเปิดกิจการเป็นของตัวเองไม่ได้เลยถ้าขาดนี่ครับ
กระดาษ แหล่งที่หาซื้อได้ทุกขนาดก็ที่แถงวงเวียน โอเดี่ยน
ครับ หรือวงเวียน 22 นั่นล่ะครับ เอากว้างประมาณ 5 นิ้ว
เพราะเราจะเม็กแบบเรียงเดี่ยว ราคากระดาษจะอยู่ที่ประมาณ
กิโลละ 30 บาท ครับ
***4. คราวนี้ก็ เป็นพวก เม็ก ลูกเม็ก เชือกฝาง ที่ปั้มรูแบบ
สองรู และก็ป้ายสินค้ามีสำเร็จรูปขายครับ เมื่อเราอยากมี
กิจการของเราเองก็ต้องหา ชื่อยี่ห้อ ของสินค้า โดยเราไป
ซื้อตราปั้มก็ได้ครับ หรือจะให้ดี ก็ซื้อยางลบดินสอนี่แหละ
มาแกะสลักชื่อสินค้าของเรา เพราะผมก็ใช้วิธีนี้ แล้วก็ซื้อ
หมึกสีอะไรก็ได้มา 1 ตลับก็ใช้ได้แล้ว
***5. คราวนี้พระเอกครับจะได้มีกิจการเป็นของตัวเองแบบ
สมบูรณ์ครับ ก็คือขนมที่เราจะนำมาเพ็ค อันนี้อยากให้เลือก
มาเป็นการชิมลางก่อนสัก 5-6 อย่างคือ
.....1. ถั่วลิสง เอาชนิดดีนะครับเพราะเม็ดจะใหญ่และลูกค้า
จะชอบ ถุงละ 5 กิโลครับ ราคาก็ประมาณ 280
.....2. ถั่วเปลือย เหมือนข้อหนึ่งครับ แต่ขอบอกว่าถ้ายาก
เป็นเจ้าของกิจการที่อยู่ได้นานต้องใช้ของดีครับ
.....3. มะม่วงแก้ว จะเป็นเส้นเหลืองเคลือบน้ำตาล ขายเป็นถุง
ละ 5 กิโลเหมือนกัน
.....4. ปลากรอบ แพงหน่อยแต่ออกดีมาก ขาดไม่ได้นะครับ
.....5. เม็ดทานตะวัน เลือกแบบเม็ดใหญ่นะครับ
…..6. บ๊วยเค็ม แนะนำว่าเอาแบบถุงละ 1 กิโล
.....7. มะขามหยี หรือมะขามหวาน ขาดไม่ได้นะครับ มีเท่า
ไหร่ขายได้เท่านั้น ขายดีและส่วนมาจะหมดก่อน ราคาต่อ 5
กิโลก็ประมาณ 280 บาทตอนนี้อาจกว่าแล้ว
.....8. ขนมปังกระป๋อง แบบกระป๋องใหญ่เลยราคา ถ้า
อย่างดีประมาณ 350 บาทถ้าพอใช้ได้ราคาประมาณ
250 บาท
***ยังมีอีกเยอะก็แล้วแต่ชอบนะครับ แต่ที่แนะนำ เป็น
ต้วที่ขายดีมาก
*****ที่จำหน่ายขนมเหล่านี้ก็ แถวหลานหลวง ตรงสุดสาย
ของรถเมล์สาย 37 มีทุกอย่าง และก็ให้ซื้อถุงเพ็คขนมที่นี่ได้
เลยนะครับ เพราะมีทุกขนาด
...หรือถ้าใครไม่อยากเข้ากรุงเทพก็ให้ไปซื้อแถว บางบอน
ก็ให้นั่งรถเมล์สาย 10 พอรถขึ้นสะพานใหญ่ สังเกตได้เพราะ
มีสะพาน ข้ามถนน อยู่สะพานเดียว ก็ลงได้เลย แล้วเดิน
ย้อนมาอีกหน่อย ก็เจอครับ ร้านใหญ่เห็นง่าย
***คราวนี้ก็เปิดกิจการของตัวเองได้แล้วครับ นั่นก็คือ
ให้นำขนมมาก่อน 1 กิโล แล้วตักใส่ถุง พอประมาณแล้ว
ชั่ง ทำไปเรื่อย ๆ ดูว่า 1 กิโล ได้กี่ถุงแล้วคำนวณ เอาเอง
นะครับ
***เมื่อได้แล้ก็เพ็คปากถุงด้วยเครื่องเพ็คครับแล้วเรียง
ไว้ในถาดครับ
***นำแผงกระดาษมาเจอะรูตรงส่วนหัว ใส่เชือกแล้วผูก
กะให้พอแขวนได้ โดยเอาปมเชือกไว้ด้านหลัง เสร็จแล้ว
ก็นำชื่อสินค้าที่เตรียมไว้ทับลงบนเชือกแล้วเม็กติดให้เรียบ
ร้อย
***นำขนมที่เพ็คใส่ถุงเตรียมไว้ มาทำการเม็ก ให้เม็กราย
เดี่ยวลงมานะครับ โดยเม็กทั้งสองข้างของแผงกระดาษ
ให้เรียงลงมาให้ได้แผงละ 10 ถุง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
*****มาถึงขั้นตอนที่สำคัญแล้วครับ นั่นคือการหาตลาด
ถ้าเราต้องการมีกิจการเป็นของตัวเอง เราต้องรู้จักไหว้ไว้
ก่อนครับ รับรองใจอ่อนเกือบทุกร้าน
*****ที่คุณต้องนำสินค้าไปฝากขายก็ได้แก่
...1. ร้านของส่งขนมตามตลาดสดหรือตามตลาดเช้า
...2. ร้านของชำแถว ๆ บ้านนี้ล่ะดีนักเลือกร้านที่เราสนิทก่อน
ค่อยไปทื่อื่นต่อคือค่อย ๆ ขยับออกไปเรื่อยโดยเริ่มจากบ้าน
ของเรา
...3. ตลาดนัด เริ่มกิจการของเราเองโดยไม่ต้องไปเหนื่อย
เพื่อส่งตามร้านก็ให้ไปลงขายเองที่ตลาดนัดครับ หรือเช่า
แผงที่ตลาดสด เพื่อขายช่วงเช้าไปด้วย
...4. ถ้าขายหน้าบ้านได้ยิ่งดีเพราะเป็นทำเลที่ไม่ต้องลงทุน
และบริหารจัดการได้ง่าย และยังขยายเป็นกิจการได้ง่าย
ต่อไปในอนาคต
*****เป็นไงครับ ถ้าอยากมีกิจการเป็นของตัวเองที่ใช้เงิน
ลงทุนน้อย แต่หวังผลได้แน่ การจะมีกิจการเป็นของตัวเอง
ไม่ใช่เรื่องยากหรือต้องใช้เงินมากเสมอไป ถ้าต้องการมีกิจ
การเป็นของตัวเอง ต้องเริ่มจากสิ่งที่ทำได้จากที่บ้านก่อน
เมื่อเราทำกิจการของเราเองได้มั่นคงพอแล้ว ก็ค่อยหาทาง
ขยายช่องการทำกิจการของเราเองออกไป
..........ก็หวังว่าการแนะนำอาชีพ ในคราวนี้น่าจะเป็นประโยชน์
บ้างนะครับ ถ้าอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง อย่างน้อยคุณ
ต้องสู้กับตัวเองก่อน แล้วบทความต่อไปจะมาแนะนำอาชีพ
ให้ใหม่นะครับ
****สวัสดีครับ ผมก็สบายดี****

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แนะนำอาชีพ “ขายของที่ตลาดนัด”





*****การนำสินค้ามาขายที่ตลาดนัด หรือการหาตลาดนัดเพื่อนำสินค้า
มาวางขาย ผมเคยขายของที่ตลาดนัดมานานหลายปีครับ ช่วงที่เศรษฐกิจ
กำลังไปได้ด้วยดีของประเทศ การขายของที่ตลาดนัด เป็นอะไรที่ลงทุนน้อย
กำไรมากครับ
*****แต่พอช่วงค่าเงินบาทลอยตัวก็เลยพลอยแย่ไปด้วย เพราะลูกค้าออกมา
ขายของกันเป็นว่าเล่นเลยครับ แต่ถ้าใครต้องการหาโอกาสสร้างงานด้วยการ
ค้าขายตามตลาดนัดแล้วล่ะก้อผมพอแนะนำได้บ้างครับ
ของที่จะนำมาขายที่ตลาดนัดที่ขายดีที่สุด คือ
*****1. อาหารครับ ผมขายของที่ตลาดนัดมานาน ไม่มีอะไรขายได้ดีเท่ากับ
อาหาร แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องขายให้หมดในวันนั้นเลย
*****2. พวก กิ๊ปช็อป ครับ ก็ประเภทของทั่วไปเกี่ยวกับการแต่งตัวของสุภาพสตรี
ตามตลาดนัดนิยมขายกันมากไม่แพ้ อาหาร เลยครับ ขายง่าย และเสียยาก
ที่สำคัญ มีของให้ขายเยอะประเภทกว่า อาหาร ครับ ตลาดนัดที่จะขายสินค้า
พวกนี้ดีที่สุดคือ บริเวณหน้าโรงงาน ครับ ถ้าตลาดนัดไหนที่อยู่ใกล้โรงงาน
ของสาวฉันทนา ก็เป็นแหล่งที่ชุมนุมของเหล่าพ่อค้า และ แม่ค้ามากที่สุด
.....แหล่งที่จะหาซื้อก็แถว สำเพ็ง และ เยาวราช เป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพครับ
แต่ถ้าจะให้ได้ของถูกอีกหน่อย ก็ต้องไป ตั้งแต่ประมาณ ตี 5-8 โมงเช้าครับ
เพราะจะมีพ่อค้านำสินค้ามาขายในราคาขายส่งกันเยอะมาก
*****3. สินค้าประเภท รองเท้า อันนี้ขายดีเป็นอันดับ 3 เลยครับ ผมเคยเอามา
ขายต่อจากแผงกิ๊ปช็อป ครับ ขายออกบ่อยมาครับ ตามตลาดนัด จะมีร้าน
ขายรองเท้า ไม่ค่อยมากเป็นเพราะ การเรียงหรือการจัดจะยุ่งยาก ก็เลยไม่ค่อย
มีขายตามตลาดนัดมากนัก
.....แหล่งซื้อก็อยู่แถว สำเพ็งครับ แต่ให้เดินลึกเข้าไปอีกหน่อย เลยไปแถวเยาวราช
ก็จะเจอร้านขายส่งรองเท้า ถ้าต้องการของลงตลาดนัดในวันนั้นก็ให้ไปเช้าเลยครับ
*****4. เสื้อผ้า มีเยอะมากครับทุกตลาดนัดเลย ก็ขายออกได้เรื่อย ๆ ครับยิ่งถ้า
ใกล้ถึงช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ จะเป็นสินค้าที่ขายดีมากในตลาดนัด
ครับ การขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด มีข้อเสียอย่างคือ รูปแบบของเสื้อผ้า ต้อง
ทันสมัยตามแฟชั่นถึงจะได้รับความนิยม เพราะสินค้าประเภทเสื้อผ้าเป็นสินค้าที่
ตามตลาดให้ทันอยู่เสมอ
.....แหล่งซื้อหา ย่านโบเบ้ สำเพ็ง ประตูน้ำ และตลาดเช้าหลังโรงพยาบาลหัวเฉียว
กรุงเทพ แต่นานแล้วนะครับน่าจะยังอยู่
*****5. นาฬิกาครับ ทั้งตลาดนัดถ้าจำไม่ผิดมีขายน้อยครับ เนื่องเพราะการจัด
แต่ละครั้งใช้เวลามากแล้วยังต้องคอยระวังเกี่ยวฝนด้วย ตลาดนัดที่ผมขาย
จำได้ว่าใช้วิธีปูผ้าแล้ววางเลยครับ เพราะขายน้อยก่อนเอาทุนแล้วค่อยเพิ่มสินค้า
ทีหลัง นาฬิกาถ้าจะขายที่ตลาดนัดต้องไม่แพงนะครับ และต้องตั้งราคาไว้เผี่อ
ลูกค้าต่อรองราคา นาฬิกาที่แนะนำน่าจะเป็น นาฬิกาปลุก นาฬิกาติดผนัง
ไม่แนะนำนาฬิกาข้อมือนะครับขายยาก และรวมของประเภท ที่ขายด้วยกันได้
เข้าไปหลายอย่างหน่อย
.....แหล่งซื้อหา ก็แถวคลองถมครับแต่เป็นคลองถมอีกฝั่งนะครับคือจะมีฝั่ง
ที่ขายนาฬิกาโดยเฉพาะ และขายทุกวัน เปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 9-10 โมงเช้า
คือเป็นถนนขายทุกวันสังเกตง่ายครับ
*** เป็นไงครับ ยังมีของที่จะขายตลาดนัดอีกเยอะครับ ถ้าต้องการเป็นผู้ค้าที่
ต้องการขายสินค้าแบบให้ได้มาก ๆ ก็ต้องสำรวจสินค้าที่ตลาดนัดที่เราจะ
นำสินค้ามาขายก่อนนะครับ ว่ายังขาดอะไร กลุ่มลูกค้าประเภทไหนที่มีมาก
และสินค้าประเภทไหนที่ยังมีขายน้อยหรือเป็นที่นิยมแต่มีคนขายไม่มาก
***ขายของตามตลาดนัดอย่านึกว่าหมูนะครับ ตลาดนัดเป็นที่รวบรวมสินค้า
ทุกประเภท เรียกว่าจะแทรกเข้าไปโดยที่เป็นเจ้าแรกผมว่ายากครับ
ขนาดร้านขายถุงเท้าแท้ ๆ ตลาดนัดแต่ละที่ต้องมีร้านขายถุงเท้าอย่าง
เดียวประมาณ 3-4 ร้านเข้าไปแล้ว แต่ถ้าคุณสามารถทำสินค้ามาขาย
เองได้จะยิ่งดีครับ แต่อย่าขายประจำที่ตลาดนั้นนานนะครับ เพราะจะขาย
ดีช่วงแรก ๆ เท่านั้น
*****แล้วพบกันใหม่นะครับขออวยพรให้รวยครับ ด้วยอาชีพสุจริตนะครับ
สวัสดีครับ แล้วจะแนะนำอาชีพที่เคยทำมาให้เป็นทางเลือกต่อไปครับ

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การแกะสลักลวดลายบนกระจก

บทนี้จะแนะนำอาชีพที่น่าสนใจให้นะครับทำง่ายและหาวัสดุ
ได้ง่ายครับ คือวิธีการแกะสลักลวดลายบนกระจกครับ ผมเคยทำขายได้สักพัก
การแกะสลักลวดลายบนกระจก ทำตอนมีเวลาว่างก็ได้หรือจะทำเป็นอาชีพก็ได้
ถ้าจะแกะสลักลวดลายบนกระจก ไม่จำเป็นต้องมีฝีมือในด้านงานวาดภาพ
ก็สามารถแกะสลักลวดลายบนกระจกได้ครับ

ก่อนจะทำการแกะสลักลวดลายบนกระจก จะต้องเตรียมอุปกรณ์
ให้พร้อมก่อนนะครับเพราะจะได้ทำได้แบบม้วนเดียวจบเลย

สำหรับอุปกรณ์ในการแกะสลักลวดลายบนกระจก หาซื้อได้ง่าย
และมีราคาถูกครับ ลงทุนนิดหน่อยแต่รับรองว่าถ้าทำเป็นอาชีพก็ได้
กำไรแน่ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการแกะสลักลวดลายบนกระจกก็มีดังนี้ครับ

.....1. มีดคัทเตอร์ สำหรับงานติดสติกเกอร์ครับ ราคาก็อยู่ในราว 80-120
บาทครับ แบบพอใช้ได้ครับ คือต้องคมไว้ก่อนเพราะงานแกะสลักลวด
ลายบนกระจกเป็นงานที่ง่ายแต่ละเอียดครับ

.....2. ดินน้ำมัน ใช้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาดของภาพที่จะนำมา
เป็นแบบในการแกะสลักลวดลายลงบนกระจกครับ

.....3. แผ่นสติกเกอร์ สำหรับงานทำป้ายโฆษณานั่นล่ะครับ แผ่นเท่าไหร่
ผมก็จำไม่ได้แล้วครับ

.....4. น้ำกรด ใช้สำหรับการแกะสลักลวดลายบนกระจกนะครับมีขาย
ถ้าจำไม่ผิดก็ราว ๆ 20 บาท ครับขนาดขวดกระทิงแดง สามารถใช้
ได้ซ้ำ 2-3 ครั้งครับ ขวดหนึ่งสามารถใช้งานแกะสลักลวดลายบนกระ
จกได้หลายอยู่ครับ

.....5. แบบหรือรูปภาพที่เราจะใชัในการแกะสลักลวดลายลงบนกระจก
ครับ ควรเป็นภาพแบบลายเส้นนะครับ ลองทำแกะสลักลวดลายลง
บนกระจกครั้งแรกผมแนะนำให้ใช้ลายเส้นที่ไม่ซับซ้อนเอาแบบง่าย
ที่สุดก่อนนะครับ

.....6. กระจกครับ กระจกสำหรับงานแกะสลักลวดลายลงบนกระจก
จะใช้แบบกระจกเงา หรือกระจกใส ก็ได้ทั้ง 2 อย่างครับ ลองแผ่น
สักขนาด 4x6 นิ้วก่อนก็น่าจะดีครับ

.....7. สก๊อตเทป 1 ม้วน เอาแบบดีนะครับ

.....8. กาวลาเท็กซ์ 1 ขวดเล็ก

เมื่อเตรียมอุปกรณ์ในการทำงานแกะสลัวลวดลายบนกระจก
เรียบร้อยแล้วก็มาถึงการลงมือทำกันได้แล้วครับ

***1. เตรียมกระจกด้วยการเช็ดให้เรียบร้อย เอาความมันออกให้หมด

***2. นำแผ่นสติกเกอร์ แล้วตัดให้ได้ขนาดของลายเส้นที่นำมาเป็นแบบ
ในการแกะสลักลวดลายบนกระจก แล้วนำมาติดลงไปที่กระจก

***3. นำแบบภาพลายเส้น ที่จะใช้เป็นแบบให้เกิดลวดลายบนกระจก
แล้วทากาว ติดทับลงบนแผ่น สติกเกอร์ อีกที

***4. คราวนี้ก็เป็นการใช้ฝีมือและสมาธิของเราแล้วล่ะครับ ด้วยการใช้
มีดคัทเตอร์ กรีดไปตามลายเส้นของภาพ และเก็บมุมให้เรียบร้อยนะครับ
พยายามลงมีดให้ถึงกระจกเลยนะครับกะให้ขาดในมีดเดียวนะครับ

***5. เมื่อกรีดลายเสร็จแล้วก็ให้ค่อย ๆ ใช้ปลายมีดคัทเตอร์ ให้ค่อย ๆแกะ
เอาส่วนที่เราต้องการให้โดนน้ำกรดออก เช่นถ้าต้องการให้ภาพเป็นภาพ
นูน ก็ให้แกะส่วนรอบของภาพลายเส้นออก แต่ถ้าต้องการให้ภาพลึก
ลงไปในกระจกก็ให้แกะในส่วนของลายภาพออก

***6. รอบ ๆ กระจกให้เก็บขอบเอาไว้ประมาณ 1 ซม. นะครับไว้เพื่อเป็น
กรอบให้รูปครับ

***7. เมื่อได้รูปที่เราต้องการแล้วคราวนี้ก็ถึงเวลาทำลวดลายให้ปรากฏบน
กระจกแล้วล่ะครับ

ในกรณีที่ต้องการให้ลวดลายบนกระจกเป็นภาพนูนก็ให้นำเอา
ดินน้ำมันทำเป็นขอบล้อมให้รอบกระจกเลยนะครับ เสร็จแล้วก็เทน้ำกรด
ลงไปเอาให้แค่พอท่วมภาพนิดหน่อยนะครับอย่ามาเกินเพราะจะเสียของ
เปล่า

ในกรณีที่ต้องการให้ภาพลึกเป็นลายเส้น ก็ให้เรานำเอาดินน้ำ
มันมาล้อมรอบบริเวณภาพครับ แล้วก็เทน้ำกรดลงไป
****เมื่อเสร็จจากขั้นตอนนี้แล้วก็รอครับ ต้องการให้ลึกมากก็ไว้นานหน่อย
เมื่อเสร็จแล้วก็ให้ค่อย ๆ เทน้ำกรดออกครับด้วยการเอาดินน้ำออกเป็น
ช่องแล้วค่อยเทน้ำกรดออกเก็บไว้ต่าง เพื่อไว้ใช้ต่อปิดฝาให้แน่นเก็บไว้ให้
พ้นมือเด็กนะครับ นำกระจกที่แกะลวดลายไว้ไปล้างน้ำเอานำกรดออก
เสร็จแล้วก็ให้แกะสติกเกอร์ออกแล้วดูผลงานครับ เป็นไงครับการแกะ
สลักลวดลายลงบนกระจกง่ายไหมครับ

แล้วผมจะมาแนะนำอาชีพอีกนะครับหรือถ้าต้องให้หาอะไรมา
ให้เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพก็บอกมานะครับ ถ้าเคยทำมาก่อนก็
จะนำมาเสนอให้ได้นำไปลองทำกันดูครับสวัสดีครับ

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ถั่วเคลือบรสช็อคโกแลต

ส่วนผสม
1) ถั่วลิสงอย่างดี 3 ถ้วย
(ล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำ)
2) น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
3) น้ำเปล่า 2 ถ้วย
4) ผงช็อคโกแลต (อย่างแท่งชนิดจืดก็ได้)
5) เนย (เล็กน้อย)
6) เกลือป่น 2 ช้อนชา
7) งาขาว 2 ช้อนโต๊ะ
(ฝัดงาให้สะอาดเตรียมไว้)

วิธีการปรุง
1) เตรียมกระทะ ใส่ถั่วลิสง น้ำตาลทราย น้ำ
ช็อคโกแลตและเนย
(พร้อมกัน)
2) ตั้งไฟ เคี่ยวไฟปานกลาง ใช้ไม้พาย
คนไปเรื่อย ๆ ให้น้ำตาลงวด ร่วนติดถั่วทั้งเม็ด
3) ใส่เกลือ และงา แล้วคนต่อไป
ลดไฟให้อ่อนลง
ใช้ไม้พาย คนให้เร็ว ๆ (อย่าหยุดมือ)
(เพราะจะทำให้ถั่วไหม้ น้ำตาลจะติดกัน)
คนจนน้ำตาลแห้ง เสียงแตกดังเปาะแปะ
และถั่วเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ
4) ยกลง คนต่อไปเรื่อย ๆ
เทใส่ถาด
แกะเม็ดถั่ว อย่าให้เกาะติดกัน
ทิ้งไว้ให้เย็น
5) เก็บใส่ในขวดโหล หรือใส่ถุง

** เป็นงานอดิเรก สร้างรายได้แก่ตัวคุณ**

ขนมครองแครงกรอบ

*** ส่วนที่ 1
ส่วนผสมตัวแป้ง
1) แป้งสาลี 2 ถ้วย
2) ไข่แดง (ไข่ไก่) 1 ฟอง
3) มะพร้าว 1/4 กก.
(คั้นหัวกะทิ 1/2 ถ้วย)
4) น้ำปูนใส 3 ช้อนโต๊ะ
5) น้ำมัน (สำหรับทอด)

อุปกรณ์
1) แบบพิมพ์ (ไม้หรือพลาสติก)
2) กระทะทอง
3) กระด้ง (สำหรับผึ่งขนม)

มาดูวิธีการปรุง
1) ร่อนแป้ง 1 ครั้ง ใส่กะละมัง
2) เอาไข่แดงใส่ลงไปนวดกับแป้ง
ใส่หัวกะทิ
ใส่น้ำปูนใส
นวดรวมกันจนเข้ากัน และแป้งนิ่มเป็นมัน
3) ปั้นเป็นก้อนกลมขนาด 1/2 ซม.
จนหมดแป้ง
4) เอาแป้งสาลีแห้ง โรยบาง ๆ ให้ทั่วแบบพิมพ์
5) เอาแป้งที่ปั้นไว้ มากดลงในร่องพิมพ์ ให้บางมาก ๆ
จนหมดแป้ง
ใส่ถาดไว้
6) ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
ใช้ไฟกลาง ๆ
ทอดให้เหลืองกรอบ
7) ตักขึ้น ซับบนกระดาษสำหรับซับน้ำมัน
ทิ้งไว้ให้ขนมเย็น

*** ส่วนที่ 2
ส่วนผสมน้ำตาลสำหรับคลุก
1) น้ำดอกมะลิสด 1 ช้อนโต๊ะ
2) น้ำตาลมะพร้าว 3/4 ถ้วย
3) รากผักชี (โขลกละเอียด) 1 ช้อนโต๊ะ
4) พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
5) เกลือ 1 ช้อนชา
(ใช้เกลือเม็ด ป่นให้ละเอียด)

วิธีทำ
1) ตั้งกระทะทอง ใส่น้ำดอกมะลิ
ใส่น้ำตาลมะพร้าว
**รอจนน้ำตาลละลาย
2) ใส่รากผักชี พริกไทยป่น เกลือ ลงไป
คนให้เข้ากัน ให้หอม
3) เอาตัวครองแครง ที่ทอดไว้ ลงคลุกให้ทั่ว
แล้วยกลง
4) ตักใส่กระด้ง ผึ่งให้เย็น
ใสโถไว้
***เก็บไว้รับประทานทุกเวลาที่ต้องการ***

ขนมกล้วยกวน

ส่วนผสม
1) กล้วยหอม (สุกงอม) 1 หวี
2) กะทิ (คั้นข้น ๆ ) 2 ถ้วย
3) น้ำตาลปึก 2 - 3 คู่

มาดูวิธีปรุงกัน
1) ปอกกล้วย แล้วบดให้ละเอียด
เทน้ำกะทิ + น้ำตาลปึก ลงไป คนให้เข้ากัน
เทใส่กระทะ
2) ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ กวนจนเหนียวดี
ดูว่าร่อนไม่ติดกระทะแล้ว ก็ยกลง
เทใส่ถาดเหลี่ยม
รอจนขนมใกล้จะเย็น
ตัดเป็นชิ้น ๆ ห่อด้วยกระดาษแก้ว
(หรือปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ก็ได้)***

ขนมครองแครงแก้ว

ส่วนผสม
1) แป้งมัน (อย่างดี) 1 ถ้วย
2) กะทิ (คั้นข้น ๆ ) 4 ถ้วย
3) น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
5) เกลือ (เล็กน้อย)
6) ถั่วทอง 2 ช้อนโต๊ะ
(เราะเป็น 2 ซีก แล้วคั่ว)

วิธีทำ
1) ร่อนแป้งมันใส่ชามใหญ่ ๆ (กะละมังก็ได้)
2) ต้มน้ำให้เดือด เอาไปราดลงไปเล็กน้อย
ใช้พายคนให้เข้ากัน
3) เอามือจุ่มน้ำเย็น แล้วนวดแป้งในชามให้เข้ากัน
นวดจนเหนียว พอจะปั้นเป็นลูกได้
ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ 1/2 ซม.
แล้วกดลงในร่องแบบพิมพ์ (ร่องไม้)
จนหมดแป้ง
4) เอาหม้อตั้งน้ำให้เดือด เอาตัวครองแครงลงไปต้ม ให้สุก
แล้วตักมาแช่น้ำเย็นสักครู่ เทใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ
5) เอากระทะตั้งไฟ ใส่กะทิ น้ำตาลและเกลือ ลงไป
พอเดือดแล้ว หมั่นคน อย่าให้กะทิเป็นลูก
ชิมความหวาน (ตามชอบ)
เอาตัวครองแครงใส่ลงไป คนให้ทั่ว พอเดือดยกลงได้
**ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยถั่วทองคั่ว เอาไปรับประทานกันได้เลย**

Occupation แนะนำอาชีพ

อาชีพ ที่ใช้ในการประกอบเป็น อาชีพ แบบจริงจัง มีอยู่มากทั้งงานที่ทำเอง อาชีพที่รับมาขาย อาชีพที่อาศัยการติดต่อ อาชีพที่ทำผ่านการใช้งานผ่านเน็ต แต่อาชีพอะไรก็ไม่สำคัญ สำคัญแต่ว่า อาชีพที่เราทำนั้นเราชอบหรือไม่ อย่างเช่น การทำขนมหวาน

ถ้าคุณชอบทำขนมหวานรับประทาน และมีเวลามากพอคุณก็สามารถประกอบเป็นอาชีพได้ การทำขนมหวานเพื่อการค้าขายก็เป็นอาชีพที่ไม่น่ามองข้ามนะครับ

เพียงแต่ขนมหวานไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน ดังนั้นจึงควรลองด้วยปริมาณน้อย ๆ
ก่อนที่จะทำเป็นอาชีพอย่างจริงจังวัตถุดิบที่ใช้ทำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าพอใจ
ในรสชาติและความสดของขนมหวานที่คุณทำ

ก่อนทำขนมหวานเพื่อเป็นอาชีพ คุณควรเลือกทำขนมหวานที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์
ในการทำที่ต้องหาซื้อมาด้วยราคาแพงแต่คุณควรเริ่มจากการทำขนมหวานที่สามารถ
ใช้เครี่องใช้ที่มีอยู่ในครัวเพื่อใช้ประกอบอาชีพไปก่อน

เครื่องปรุงต้องหาซื้อได้ง่ายและน่าจะหาซื้อได้จากร้านใกล้บ้านได้ยิ่งดีเพราะจะได้
ประหยัดเงินในด้านการเดินทาง แต่ต้องเป็นวัตถุดิบที่ได้คุณภาพ เพราะเมื่อคุณต้องการทำเป็นอาชีพคุณก็ต้องซื่อสัตย์กับอาชีพนั้น ๆ

คุณลองดูว่าขนมชนิดไหนที่คุณสนใจจะลองทำดูก็ได้นะคะ ทำกินก่อน ถ้าอร่อยค่อยทำให้คนใกล้ชิดกิน แล้วค่อยลองทำขายเพื่อเป็นอาชีพต่อไป

แนะนำติชมมาได้นะคะอยากได้สูตรขนมหวานหรืออาหารคาวหวานอะไรก็ได้
เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพก็บอกมานะคะจะหาสูตรมาให้ค่ะ

อาหารไทย

บทความที่ได้รับความนิยม