Google

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ขนมเทียน



***ขนมเทียน เป็นขนมหรือของหวานที่จะได้รับประทาน
กันก็เฉพาะวันตรุษจีน (ทำมากเพราะไหว้มากที่) กับวัน
สารทจีน แต่ในปัจจุบันรู้สึกว่าจะพอหากินได้เกือบทั้งปี
ก็ทำขายกันแหละ ขนมจีนสังเกตได้ว่าใครทำได้อร่อย
หรือก็คือ ไว้นานแล้วแป้งไม้แข็ง ไส้ขนมไม่ใส่น้ำตาลเยอะ
เกินไปส่วนมากไส้ขนมที่ที่บ้านทำตอนไหว้จะเน้นมะพร้าว
ล้วน ๆ คุณแม่ทำอร่อยแต่นี่แค่จำได้เท่านั้นอาจไม่อร่อย
เท่าก็ลองเพิ่มลดสูตรกันดู
***ส่วนผสมในการทำขนมเทียน
1. แป้งข้าวเหนียวทำน้อยก็ประมาณ 1 กิโลกรัม
2.น้ำตาลบีบ (น้ำตาลโตนด) 2-5 ถ้วยตวง ไว้สำหรับทำ
แป้ง กับ ทำไส้ขนม
3.น้ำตาลทราย
4.มะพร้าวทึมทึก(ไม่อ่อนและไม่แก่ใช้สำหรับทำไส้
หวาน) จะขูดด้วยมือ (ดีกว่า) หรือจะขูดด้วยกระต่าย
ขูดมะพร้าวก็ได้แต่จะไม่ใคร่อร่อย
5. ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่งแล้วนำมาตำให้ละเอียด
สำหรับทำไส้เค็ม
6. พริกไทย 1 ช้อนชา(ส่วนผสมของไส้เค็ม)
7. น้ำมันพืช
8.เกลือป่น
9.ใบตอง ทำเตรียมไว้เลยโดยนำใบตองมาตัดเป็นแผ่น
กลมประมาณ ชามข้าว เช็ดให้สะอาดแล้วนำไปนึ่ง
จากนั้นก็นำไปตากแดดเพื่อให้หาย ควรทำไว้ 2 ขนาด
คือ ประมาณชาม 6-8 นิ้ว และ 4-5 นิ้ว เพราะควรลอง
ไว้สองชั้นจึงจะดี(ที่บ้านทำแบบนี้ทุกครั้ง)
*****วิธีทำ
ทำแป้งขนมก่อนโดย ให้ต้มน้ำไว้ทิ้งไว้ให้พออุ่นแล้วนำ
แป้งข้าวเหนียวใส่กะละมังหรือภาชนะที่ใช้ผสมแป้งจาก
นั้นให้ค่อย ๆ เทน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ลงไปผสมกับแป้งแล้ว
ทำการนวดให้แป้งกับน้ำเข้ากันก่อนจากนั้นก็ให้นำน้ำตาล
บีบ จะเป็นก้อนก็ได้ ใส่ผสมลงไปแล้วทำการนวดให้เข้า
อีกครั้งจนเป็นเนื้อเดียวกันชิมได้ อย่าใส่น้ำตาลมากเพราะ
จะทำให้เวลาทำขนมเสร็จแล้วทิ้งไว้นานแป้งจะแข็งตัว
ทำให้ขนมไม่น่ารับประทาน(สูตรที่บ้านแต่ที่อื่นจะนำ
น้ำตาลไปเคี่ยวแล้วคลุกกบแป้งข้าวเหนียว)ก็ได้แล้วแต่สูตร
ของใคร เมื่อเสร็จแล้วก็เก็บไว้โดยคลุมผ้าขาวบางเอาไว้ด้วย
**คราวนี้มาทำไส้หวานกัน ก็ให้นำมะพร้าวที่ขูดเป็นเส้นเตรียมทำไส้หวาน ก็นำเอาน้ำตาลกับมะพร้าวนำไปผสมรวมกันแล้วเคี่ยวกับมะพร้าวจนแห้ง ช่วงนี้ทิ้งไปไหนไม่ได้เพราะไส้ขนม
จะมีกลิ่นไม่ได้ง่ายดังนั้นจึงต้องคอยเคี่ยวอยู่ตลอดเพราะช่วง
นี้กินแรงพอ ๆ กันทำแป้งทีเดียวเมื่อแห้งพอประมาณจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ พอคำ
**ส่วนไส้เค็ม ก็เรานำน้ำมันใส่กระทะไปตั้งบนไฟโดยใช้ไฟ
ร้อนปานกลาง จากนั้นใส่ถั่วที่นึ่งไว้(ตำให้ละเอียด), พริกไทย, เกลือและน้ำตาลทราย ค่อยผัดจนหอมและส่วนผสมเข้ากันทั่วช่วงก่อนสุกให้ชิมได้เพราะจะได้ปรุงรสชาติเพิ่มเมื่อได้รสชาติที่
พอในแล้วจึงปิดไฟ และยกลงทิ้งไว้ให้เย็น แล้วปั้นเป็นก้อนเหมือนไส้หวานเสร็จแล้วก็ใช้ผ้าขาวบางคลุมไว้
***ต่อไปก็ให้นำใบตองที่เตรียมไว้ก่อนทำการห่อให้เช็ด
ใบตองด้วยผ้าจะอาดอีกครั้ง(ใช้ผ้าแห้ง)นำใบต้องซ้อน
กัน จกแป้งปั้นให้กลมแล้วบีบให้เป็นแผ่นกลม ๆ ใส่ไส้
เค็มหรือไส้หวานตามชอบ แล้วทำการรวบแป้งให้เป็นก้อน
กลม ก่อนใส่ลงในใบตองให้ทำใบตองเป็นรูปกรวยก่อน
จากนั้นนำแป้งที่ห่อไส้เรียบร้อยแล้วจุ่มลงไปในน้ำมัน
ที่เตรียมใส่ชามไว้แล้วเมื่อจุ่มแป้งในน้ำมันพืชให้ทั่วแล้วก็ใส่
ลงไปในใบตองที่ห่อเป็นรูปกรวย(สามเหลี่ยม)จากนั้นก็
ห่อใบตองปิดแล้วให้เรียบร้อย  ทำไปเรื่อย ๆ จนเต็มหม้อ
นึ่ง(ซึ๊ง) ประมาณ 2 ชั้นของหม้อนึ่งก็พอจะได้สุกพอดี
ให้นึ่งประมาณ 30 นาทีหรือมากกว่าอยู่ที่ความหนาของ
แป้งที่เราห่อด้วยก็คอยแกะดูก็ได้
****ข้อควรจำก็คืออย่าใส่น้ำตาลมากเวลาผสมกับแป้งเพราะ
จะทำให้แป้งขนมเทียนแข็งเวลาทิ้งไว้นานหรือเวลาเย็นตัว
อีกอย่างแป้งที่ทำ (จำไม่ได้แล้วว่าต้องใส่ดอกไม้อะไร
ลงไปด้วย ตัวนี้ต้องสั่งจากแม่กลองเพราะที่อื่นไม่ใคร่มี
นำมาเด็ดเฉพาะดอกล้างให้สะอาดแล้วนวดผสม
ลงไปในแป้งจะทำให้ได้รสชาติที่ดีมาก ใครจำได้ก็ช่วย
บอกมาด้วยนะ) อีกอย่างเวลาปั้นไส้หวานควรหาน้ำมาไว้
ใกล้ ๆ มือด้วยเพราะติดหนึบมากต้องใส่น้ำควรช่วยลด
ความเหนียวเวลาปั้นไส้ ไงก็บอกมาด้วยมาเป็นไง แต่บอก
ก่อนว่าจำได้เท่านี้ งานนี้ต้องแม่ทำรับรองอร่อยเพราะที่
ทำงานจะกินของที่เอาไปหมดก่อนทุกทีแล้วค่อยทาน
ของคนอื่นต่อ (ไม่ยอตัวเองเลยนะนี่)

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

ฟรุตพั้นช์



***ช่วงงานปีใหม่มีงานเลี้ยงที่หน่วยงานเห็นเค้าทำน้ำ “ฟรุตพั้นซ์”
ก็เลยสนใจเหตุเพราะนอกจากมีรสชาติที่แปลกแล้วยังได้ความหอม
ของผลไม้อีกด้วย เลยถามสูตรมาให้ลองดูไม่เสียหาย
**ส่วนผสมในการทำ “ฟรุตพั้นช์” มีดังนี้
1.น้ำผลไม้ ลิ้นจี่ 2 ออนซ์
2.น้ำส้ม 2 ออนซ์ 
3.น้ำหวานรสทับทิม ½ ของส่วนผสมน้ำผลไม้
4.ผลไม้ (ที่ชอบ) ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
5.น้ำมะนาว 0.5 ออนซ์ 
6.น้ำแข็ง
****ผลไม้จะใส่กี่อย่างก็ได้แต่ที่นิยมก็แค่ 2 อย่าง เช่น
สัปปะรด+เชอร์รี่ก็ได้
***ขั้นตอนการทำฟรุตพั้นช์
ให้นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในเชคเกอร์ (อุปกรณ์สำหรับการ
ผสมเครื่องดื่ม)  เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ให้ใส่น้ำแข็งก้อน ประมาณ
3ใน4  ของเชคเกอร์ จากนั้นก็ให้ออกแรงเขย่าให้แรงและเร็ว
ประมาณ 20-30 ครั้ง แล้วก็รินส่วนผสมที่เขย่าใส่ลงแก้ว
ประดับด้วยผลไม้ที่หั่นเตรียม จะประดับด้วยลูก เชอร์รี่ ก็ได้
พร้อมเสริฟได้ทันที ส่วนมาจะหมดก่อนทุกทีเพราะดื่มที่ไร
ก็เป็นต้องขอเพิ่มทุกทีไป

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

สูตรทำขนมครก


สูตรทำขนมครก
***ขนมครกตอนเป็นเด็กชอบกินมากยิ่งตอนเช้า ๆ ได้บรรยากาศดี
ขนมครกช่วงนี้หากินกันได้แทบจะทั้งวัน ตามตลาดนัดยังมีเลย
แต่ยังคงความอร่อยอยู่เหมือนเดิน ชอบเลยลองทำ ยังไงก็ปรับปรุง
สูตรเอาอีกนิดนะ
**ส่วนผสมขนมครก
1.แป้งข้าวเจ้าอย่างดี 1 กิโลกรัม 
2. น้ำกะทิ ประมาณ 5 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลโตนด 1-2 ช้อนโต๊ะ 
4. เกลือ 1 ช้อนชา 
5. น้ำสะอาด 2-3 ถ้วยตวง 
6. น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง 
7.ต้นหอม หรือ ข้าวโพด
***วิธีผสมแป้งขนมครก
ขั้นตอนแรกให้เราใส่น้ำสะอาดลงในภาชนะ(หม้อ หรือ กะละมัง)
จากนั้นให้นำแป้งข้าวเจ้ามาแล้วค่อยๆ เทแป้งข้าวเจ้า ลงผสมใน
น้ำสะอาด น้ำปูนใส และให้ค่อย ๆ คนไปจนกว่าแป้งข้าวเจ้ากับน้ำ
เข้ากันได้ดีแล้วก็ให้เติมน้ำกะทิ ค่อย ๆ คนไปแล้วก็ใส่น้ำตาลโตนด
ตามด้วยเกลือป่น จากนั้นก็ให้คนให้จนเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นอันเสร็จ
วิธีทำแป้งสำหรับเททำขนมครกคราวนี้มันทำกะทิสำหรับใส่หน้า
ขนมครกกัน
วิธีทำกะทิหน้าขนมครก
ส่วนผสมมีดังนี้
*** หัวกะทิ 6-8 ถ้วยตวง 
*** หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
***เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ  
***น้ำตาลทราย 1-2 ถ้วย 

วิธีทำกะทิสำหรับหยอดหน้า
นำกระทะทองเหลืองหรือหม้อมาแล้วให้ใส่หัวกะทิ พร้อมเติมหางกะทิ
ลงไปคนให้เข้ากันก่อนแล้วค่อยใส่ เกลือป่น น้ำตาลทราย แล้วให้คนอีกที
จนส่วนผสมเข้าด้วยดีแล้วก็ให้เรายกขึ้นตั้งไฟใช้ไฟปานกลาง คอยคนให้
น้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นก็ยกลงแล้วให้ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น เสร็จแล้ว
ก็นำไปหยอดใส่หน้าขนมครกได้เลย การหยอดใส่หน้าขนมครกสามารถใส่
กาน้ำ ก็ได้เพราะจะเทได้ง่ายกว่าใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้าขนมครก
(จะใส่ใบหอมซอยลงไปด้วยก็ได้ก่อนหยอดหน้าขนมครก)
***วิธีทำขนมครกเพื่อขาย
***นำตั้งกระทะขนมครกตั้งไฟโดยใช้ไฟปานกลาง เมื่อกระทะขนมครกร้อนได้ที่
ก็ให้นำลูกประคบแตะกับน้ำมันพืช เช็ดลงไปที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า 
เทแป้งขนมครก ลงในเบ้าปริมาณ 3ใน4 ส่วน ปิดฝาทิ้งไว้กะพอว่าสุก
ก็ให้ หยอดส่วนผสมที่หยอดหน้าขนมครกให้หยอดลงเบ้ากะพอให้เต็ม
หน้าขนมครกพอดี ช่วงนี้เราสามรถใส่ข้าวโพดลงไปด้วยก็ได้จากนั้นก็ปิดฝาทิ้งไว้
รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะ เสร็จแล้ว จบ

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

ขนมเม็ดขนุน


ขนมเม็ดขนุน
***จำได้ว่าเป็นขนมที่ทั้งคนไทยและคนไทยเชื้อสายจีน
ชอบทำไหว้บรรพบุรุษกันมาก ช่วงที่ทางบ้านไหว้ตรุษจีน
ทีเป็นต้องทำกันทุกครั้งสนุกแต่เมื่อยมากเพราะต้องนวด
ถั่วตอนช่วงที่ต้องเคี่ยวนี่ต้องระวังเป็นพิเศษไม่งั้นไหม้
***ส่วนผสมขนมหวาน เม็ดขนุน
1.ถั่วทอง 3 ถ้วยหรือจะใช้ถั่วเหลืองที่ใช้ทำเต้าส่วนก็ได้
2.ไข่เป็ด(ไข่แดง)โดยประมาณ 14 ฟอง
3.หัวกะทิ 1 ถ้วย
4.มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วย
5.น้ำตาลทราย 1 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำเชื่อม
น้ำลอยดอกไม้สด 4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 3 ถ้วย

วิธีทำเม็ดขนุนถั่ว
ขั้นแรกให้นำถั่วไปแช่กะพอว่าให้ถั่วนุ่ม จากนั้นก็ให้
นำถั่วที่แช่น้ำไว้ไปนึ่งอย่าลืมว่าให้รองพื้นหม้อนึ่งด้วย
นะนึ่งให้สุก ต่อมาก็ให้นำถั่วที่นึ่งจนสุกมาบดให้ละเอียด
แต่ก่อนนั้นใส่ครกตำอย่างเดียวกะว่าให้ละเอียดจนเนียน
เลยจึงใช้ได้  ต่อไปก็นำมะพร้าวขูด พร้อมกับหัวกะทิ
ที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในกระทะทองเหลืองผสมให้เข้ากันแล้ว
ก็นำถั่วที่บดละเอียดใส่ลงไปช่วงนี้ก็คือต้องคอยกวนให้เข้ากัน
ค่อยควนไปเรื่อย ๆ ระวังอย่าให้มีกลิ่นไหม้เพราะจะขายไม่ออก
ขณะที่คนก็ให้ใส่น้ำตาลแล้วกวนต่อไปเรื่อยจนสังเกตว่าทุกอย่าง
ผสมเข้ากันดีแล้ว นำลงมาใส่ภาชนะไว้อย่าลืมคลุมผ้าขาวบาง
ไว้ด้วยกันแมลงกะพออุ่น ๆ มือก็นำมาปั้น(ปั้นเป็นนะ)
ก็คือให้ปั้นเป็นก้อนรีๆ คล้ายเม็ดขนุน แล้วพักไว้ให้เย็น
***คราวนี้มาทำน้ำเชื่อมกันก็ให้นำกระทะทอดเหลืองตั้งไฟ
ใส่น้ำลอยดอกไม้สดลงไปต้มพอเดือดก็ให้ใส่น้ำตาลทรายลงไป
เมื่อน้ำตาลทรายละลายดีแล้วให้นำมาใส่ภาชนะคราวนี้ให้
ใช้ผ้าขาวบางกรองน้ำด้วยกับเมื่อกรองเสร็จแล้วให้นำน้ำเชื่อม
ที่กรองได้นำกลับไปเคี่ยวต่อให้พอเห็นว่าเหนียวเป็นยางมะตูม
(ไม่ใช่ยางมะตอยนะเพราะจะเหนียวมากไป) เมื่อเหนืยวได้ที่
แล้วก็ยกลงจากเตา
***คราวนี้ก็นำเม็ดขนุนที่ปั้นไว้ลงจุ่มในไข่แดงก่อน แล้วจึงค่อย
นำไปจุ่มลงในน้ำเชื่อม เมื่อจุ่มเสร็จแล้วก็ให้นำไปใส่ให้เต็มกระทะ
แล้วนำขึ้นไปตั้งไฟคราวนี้ให้ใช้ไฟอ่อนๆกะพอจนสุกดี ก็ตักเม็ดขนุนขึ้น
แต่บางครั้งก็จุ่มกันทีเดียวเสร็จเลยก็ได้เพราะทุกอย่างสุกหมด
แล้วอันนี้แล้วแต่เทคนิคถ้าได้ตั้งไฟอ่อน ๆ อีกพักก็จะได้เม็ดขนุนที่
มีผิวเป็นเงางาม

อาหารไทย

บทความที่ได้รับความนิยม